24 ince (สินค้าหมดจ้า)



24'' INCE
ทเวนตี้ โฟร์ อินซ์



มีผู้ใช้แล้วลดน้ำหนักได้จริงเห็นผลภายใน 1 อาทิตย์ นอกจากเห็นผลแล้วผิวยังสวยอีกด้วย ป้องกันโรคหัวใจ ลดคลอเลสเตอรอลได้ด้วย ไม่ต้องใช้ของนอกก็ผอมได้

น้ำหนักลดได้ผลดีเยี่ยมมม!!! ไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย ไม่มีอาการโยโย่เอฟเฟค เห็นผลภายในกล่องแรก มีผู้ใช้ได้ผลเป็นจำนวนมากและเป็นตัวลดน้ำหนักที่ขายดีที่สุดของร้าน ช่วยลดต้นแขน ต้นขา สะโพก หน้าท้อง ให้กลับมามีเอว 24 นิ้วอีกครั้ง หุ่นดีกลับมาเพรียว ขาเรียว แขนเล็ก สวยเริ่ดอีกครั้ง


แนะนำสูตรการทานนะคะ แนะนำให้ทานวันละ 2 เม็ด หลังอาหารเที่ยงประมาณ 40 นาที จะได้ผลมากที่สุด


ส่วนประกอบสำคัญใน 24'' ince



  • สารสกัดจากส้มแขก (60% HCA) 122 มก.

  • แอล ออร์นิทีน 77 มก.


  • แอล ไลซีน 77 มก.


  • แอส อาร์จินีน 62 มก.


  • สาหร่ายเคลป์ 60 มก.


  • สารสกัดจากมะขามป้อม 30 มก.


  • วิตามินซี 30 มก.


  • แอล คาร์นิทีน 10 มก.


  • โครเมียม 3 มก.


  • วิตามินบี 6 1 มก.


ระบบการทำงานของ 24'' ince คือ...


1. ช่วยลดการดูดซึมของไขมันและลดการสร้างไขมันใหม่
2. ช่วยลดการดูดซึมแป้ง น้ำตาล คาโบร์ไฮเดรต ทำให้ไม่ไปสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน
3. ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันเก่าให้เป็นพลังงาน
(ลดไขมันหน้าท้อง, ต้นแขน, ต้นขา,เสริมสร้างกล้ามเนื้อ)
4. ฟื้นฟูปกป้อง บรรเทา บำรุงร่างกาย เพิ่มสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ และแร่ธาตุต่างๆ ทำให้ร่างกาย สดชื่นไม่อ่อนเพลีย และชะลอความแก่
5. กรดอะมิโนช่วยเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงาน ลดปริมาณไขมันในเส้นเลือด
6. โครเมียม สารจำเป็นในการย่อยสลายไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต
ช่วยให้ร่างกายรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ในระดับปกติ
ลดคลอเรสเตอรอล , LDL และ ไตรกรีเซอร์ไรด์ นอกจากลดความอ้วนแล้ว
ยังช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย
7. วิตามิน บี 6 ผ่อนคลายความเครียด ลดความวิตกกังวล
8. วิตามินซี ช่วยให้หลอดเลือดฝอยและผนังเซลล์แข็งแรง สารจำเป็นในการ
สร้างคอลลาเจน ช่วยในการผลิตฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง
เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันมะเร็งและหัวใจ



ข้อแตกต่างสินค้า 24''ince กับสินค้าอื่นในท้องตลาด



1. ไม่มีสารดักจับไขมัน ซึ่ง มักจะดูดซับเอาน้ำมันที่รับประทานเข้าไป
น้ำมันที่เรารับประทานเข้าไปนั้น ไม่ได้ถูกดูดซึมเผื่อนำไปเผาผลาญทั้งหมด บางส่วนสะสมบางส่วนถูกขับออกอยู่แล้ว การรับประทานสารดักจับไขมัน มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียวิตามิน หลายชนิด ที่ไม่ละลายน้ำ แต่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ช่วยการมองเห็น วิตามินอี ช่วยป้องกันเซลล์อนุมูลอิสระ วิตามินดี ช่วยการสะสมแคลเซี่ยม วิตามิน K เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด เวลาเกิดบาดแผล วิตามินเหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับร่างกาย
การชะล่าใจกับอาหารที่มีไขมันสูง เพราะมีตัวช่วยจับไขมัน เป็นการสร้างลักษณะนิสัยให้ระมัดระวังการกินอาหารน้อยลง โอกาสเสี่ยงกับการรับประทานอาหารไขมันสูงเกินความจำเป็น ในมื้อที่ไม่ได้พกพา และรับประทานสารดักจับไขมันมีมากกว่า ไขมันที่ถูกดักจับออกไป



2. ไม่มีสารกดประสาท ที่ระบบประสาทส่วนกลางให้รู้สึกอิ่
กระบวนการอิ่มของมนุษย์ เมื่อร่างกายรับสารอาหารอย่างพอเพียงแล้ว จะมีการสังเคราะห์ กลุ่มกรดอะมิโน (หน่วยย่อยของโปรตีน) ขึ้นมา และกรดอะมิโนนี้จะหลั่ง ในลำไส้เล็ก เมื่อลำไส้เล็กได้รับกรดอะมิโนชนิดนี้ จึงส่งสัญญาณประสาทไปยังสมอง ให้สั่งให้ร่างกายรู้สึกอิ่มและช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เพราะบรรจุกรดอะมิโน ที่เป็นสารตั้งต้น ของกลุ่มกรดอะมิโนชนิดที่หลังในลำไส้ให้รู้สึกอิ่ม คุณจึงรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นกว่าปกติ เป็นกลไกโดยธรรมชาติ และทำให้ร่างกายของคุณได้ฝึกฝน การปรับพฤติกรรมการรับประทานอย่างถูกต้องไปในที่สุด
เมื่อร่างกายรับสารอาหารอย่างพอเพียงแล้ว จะมีการสังเคราะห์ กรดอะมิโน



3. เน้นการเผาผลาญ จากกระบวนการทางธรรมชาติ เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย
สารอาหารในสินค้าของเรา เป็นสารอาหาร กลุ่มที่ร่างกายต้องใช้ควบคู่กับการเผาผลาญสารอาหารที่ให้พลังงาน เช่น โครเมี่ยม ไอโอดีน สังกะสี อินนูลิน เมื่อรับประทานสารอาหารเหล่านี้เข้าไป ร่างกายจึงเกิดการเผาผลาญพลังงานมากขึ้นโดยอัตโนมัติ สารเหล่านี้ เป็นสารในกลุ่มที่ละลายน้ำ ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ไม่สะสมในร่างกาย เมื่อเหลือจากการใช้งาน จะถูกขับออกโดยกลไกของร่างกาย เราพบว่าผู้คนที่มีน้ำหนักเกิน โดยเฉพาะ กลุ่มที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยการควบคุมอาหาร มันจะเกิดจากระบบการเผลาผลาญสารอาหารบกพร่อง เนื่องจากได้รับสารอาหารดังกล่างไม่เพียงพอนั่นเอง 24 ince จึงนับว่าเป็นทางออก ในการลดน้ำหนักอย่างแท้จริง



4. รับประทานง่าย ไม่ต้องรอท้องว่าง
ไม่ต้องจับเวลาก่อนอาหาร ไม่บังคับให้ทานแล้วนอนทันที เพราะการเผาผลาญเกิดขึ้น 24 ชั่วโมงตลอดเวลา จึงไม่จำเป็นที่คุณจะต้องจำกัดเวลาในการรับประทานผลิตภัณฑ์ของเรา เพียงวันละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า หรือกลางวัน ไม่ต้องหอบสินค้าเต็มประเป๋า ไม่ต้องชงละลายน้ำ



5. สัมผัสประสบการณ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รับประทาน และเห็นผลชัดเจนใน 3 สัปดาห์
เมื่อคุณรับประทาน คุณจะรู้สึกร่างกายมีความร้อนเกิดขึ้น เหมือนคุณกำลังออกกำลังกาย จนรู้สึกกระหายน้ำ และคอแห้ง นั่นเป็นผลมาจากการเผาผลาญในระดับที่สูง ทำให้ร่างกายต้องการน้ำ เพื่อเป็นองค์ประกอบในการเผาผลาญมากขึ้น และขับถ่ายของเสียและระบายความร้อนที่เกิดขึ้นออก สัดส่วนในช่วง ต้นขา สะโพก จะลดลงก่อนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนที่หลายๆ คนกังวล สาเหตุเพราะ ขาของคนเรามีการจยับมากกกว่าส่วนอื่นๆ จึงเผาผลาญพลังงานที่มากกว่า ผลชัดเจนมากขึ้น หากออกกำลังกายร่วมด้วย คุณจะพบว่า ระยะเวลาในการออกกำลังกายของคุณ จะสั้นลง ประมาณ 1/3 - 1/2 คุณจะมีเหงื่อออกเหมือนออกกำลังกายเต็มเวลา



6. หยุดรับประทาน ได้ทันที
สินค้าของเราไม่ต้องการการบริโภค เพื่อเป็นระยะออกโปรแกรม เพราะสินค้าของเราไม่ใช่ยา จึงไม่ต้องทำการถอนยาออกแต่เราแนะนำให้คุณรับประทานอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 2-3 เดือน เพื่อให้ร่างกายมีการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทนไขมัน ซึ่งจะทำให้ไขมันสะสมใหม่ได้ยากขึ้น



ขนาดรับประทาน : ทานวันละ 1-2 แคปซูล หลังอาหารเช้าหรือ หลังอาหารเที่ยง



***คนที่น้ำหนักเกิน 60 kg ควรทานครั้งละ 2 แคปซูล***


ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล


ประโยชน์ของกล้วยหอม อ่านแล้วจะอึ้ง O_o

กล้วยหอมมีสารน้ำตาลอยู่ 3 ชนิดคือ ซุคโคส ฟรุคโตสและกลูโคส
(sucrose, fructose and glucose) รวมทั้งเส้นใยอาหาร
มันจะให้พลังงานแก่ร่างกายพร้อมนำไปใช้ทันทีเลยครับ

เขาวิจัยมาแล้วว่ากล้วยหอม 2 ใบให้พลังงานเพียงพอให้เราทำงานถึง 90 นาที
ไม่ต้องสงสัยเลยนะครับ ...นักกีฬาระดับโลกถึงชอบกินกล้วยหอมกันนัก
(เคยเห็นในสนามเทนนิส....พอพักเบรคบางคนหยิบกล้วยหอม มากัดกินสัก 2-3 คำ)
ยังไม่หมดนะ....เจ้ากล้วยยังมีคุณอนันต์
ป้องกันโรคภัยและภาวะต่าง ๆของร่างกายได้อีกด้วย...มาดูกันครับ


ความเศร้าซึม

จากการสำรวจและวิจัยไต่ถามพร้อมสุ่มตัวอย่างจากคนไข้ ที่ป่วยเป็นโรคเศร้าซีม
พบว่าส่วนใหญ่จะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้กินกล้วยหอม
เพราะว่ามัน tryptophan ซึ่งเป็นกรดอะมิโนโปรตีนชนิดหนึ่ง
ซึ่งร่างกายสามารถแปลงเป็น serotonin
สารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใสและมีความสุขมากยิ่งขึ้น


pms (premenstrual syndrome)


สำหรับสุภาพสตรีแล้วก่อนที่จะมีประจำเดือน อารมณ์จะหงุดหงิดง่าย
ไม่อยู่กับร่องรอยและก่อให้เกิดสภาวะต่อร่างกาย..เช่ นปวดท้อง ปวดหัว...ฯลฯ
รีบกินกล้วยหอมซะดี ๆ.....ยาแก้ปวดลืมไปได้เลย....
มันสามารถป้องกันได้นะจ๊ะ..............


โรคโลหิตจาง (Anemia)


ธาตุเหล็กในกล้วยหอมสามารถที่จะกระตุ้นร่างกายให้ผลิ ต Hemoglobin (ฮีโมโกลบิน)
ในกระแสโลหิตช่วยหยุดยั้งภาวะโลหิตจางได้
แต่คงไม่ช่วยแก้โรคทรัพย์จางได้หรอกนะ....ฮ่า...
(โรคนี้ผมเป็นบ่อย ๆ.....หุ...หุ...)


ความดันโลหิต (Blood Pressure)


กล้วยหอมมีเกลือโปแตสเซียมเหลืองอยู่เยอะ
เป็นตัวช่วยความดันเลือดจนกระทั่ง US Food and Drug Administration
อนุมัติให้กล้วยหอมยอดผลไม้มีส่วนช่วยลดภาวะความเสี่ ยงความดันได้จริง


เสริมสร้างพลังสมอง (Brain Power)


ที่อังกฤษในแค้วน Middlesex มีนักเรียนจำนวน 200 คนจาก Twickenham school
อ้างว่าพวกเขาสอบผ่านเพราะได้กิตกล้วยหอมเป็นอาหารเช ้า
รวมทั้งกินอีกนิดหน่อยในตอนมื้อเที่ยงเพื่อทำให้สมอง สดชื่น
เขาได้วิจัยพบว่าโปแตสเซียมในกล้วยช่วยนักเรียนให้ตื ่นตัวอยู่เสมอ


อาการท้องผูก (Constipation)

เส้นใยอาหารในกล้วยหอมช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกาย ทำงานได้ดี


เมาค้าง (Hangovers)


วิธีแก้เมาค้างที่เร็วและดีอีกวิธีหนึ่งก็คือกินกล้ว ยหอมปั่น banana milkshake
โดยการใส่น้ำผึ้งลงไปด้วย
(ฮ่า.....ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย...........ต้องลองแน่ ๆ...)
ด้วยสรรพคุณของน้ำผึ้งและสารวิตามินในกล้วยจะช่วยให้ ปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือด
และทำให้กระเพาะอาหารอยู่ในสภาวะที่พร้อมทำงานได้เร็ วขึ้น......


จุกเสียดแน่นท้อง (Heartburn)


กล้วยหอมมีสารลดกรดตามธรรมชาติอยู่
ดังนั้นการกินกล้วยก็จะช่วยให้ลดอาการดังกล่าว

Morning Sickness


ไม่รู้ว่าจะแปลว่าอะไรดีนะ...อาการงี่เง่าตอนเช้าเช่ นไม่อยากจะตื่นบ้าง...ฯลฯ
ถ้าเรากินกล้วยหอมสักคำ 2 คำระหว่างมื้อเช้า เที่ยงหรือเย็น
มันจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและแก้อาการดังกล่าว ในตอนเช้าได้


บรรเทาแผลยุงกัด


ก่อนที่จะใช้ยาทา
ลองใช้เปลือกกล้วยหอมด้านในถูบริเวณที่ถูกยุงกัด
จะช่วยลดอาการคันหรือบวมได้.....คนส่วนใหญ่เป็นอย่าง นั้นจริง ๆ


ระบบประสาท (Nerves)


วิตามินบีที่มีอยู่มากในกล้วยหอมจะช่วยลดความเครียด. .....อ่อนล้าได้

อ้วนจากทำงานมากเกินไป

ที่สถาบันจิตวิทยาในออสเตรียได้ศึกษาและพบว่า
ความเครียดจากที่ทำงานทำให้คนกินช็อกโกแล็ตและพวกโปเ ต้โต้ชิปส์มากเกินไป
ทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
จากที่กล่าวมาแล้วถ้ากินกล้วยหอมสักเล็ก ๆน้อย ๆประมาณทุก ๆ 2 ชม.
มันจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอยากกินของจ ุกจิก


แผลในลำไส้และกระเพาะอาหารรวมทั้งผิวหนังพุพองเป็นแผ ล (Ulcers)


สารและเส้นใยในกล้วยหอมช่วยให้การย่อยอาหารของลำไส้เ ล็กดีขึ้น
รวมทั้งกรดต่าง ๆที่มีอยู่ทำให้มีการเคลือบผิวของกระเพาะ
ลดการเป็นแผลในกระเพาะได้


ปรับระดับอุณหภูมิในร่างกาย (Temperature Control)


ในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรที่มีอากาศร้อน
ผู้คนชอบกินกล้วยหอมดับร้อนกันครับและเชื่อว่ามันเป็ นผลไม้เย็นฉ่ำชนิดหนึ่ง
อย่างเช่นในไทยมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงท้องควรกินกล ้วยหอมเป็นประจำ
เพื่อเด็กที่เกิดมาจะมีอารมณ์เยือกเย็นเช่นดังป๋าคูล เป็นต้น......so cool....



ลดความอยากสูบบุหรี่


สำหรับท่านที่ต้องการเลิกบุหรี่
กล้วยหอมอาจช่วยท่านได้เพราะมีวิตามิน B6, B12 โปแตสเซียมและแม็กนีเซียม
ที่มีอยู่มากจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากการขาดสา รนิโคติน

เห็นไหมครับว่ากล้วยหอมนั้นเป็นยอดผลไม้จริง ๆ

เปรียบเทียบกับแอปเปิลแล้ว
กล้วยหอมมีโปรตีนมากกว่า 4 เท่า
มีคาร์โบไฮเดรทมากกว่า 2 เท่า
ฟอสฟลอรัสมากกว่า 3 เท่า
วิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า
วิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆมากกว่า 2 เท่า
ดังนั้นจากที่ฝรั่งเคยพูดกันว่า
"An apple a day keeps doctor away."

ต่อไปคงจะต้องเปลี่ยนเป็น
"A banana a day keeps doctor away."
ซะแล้วมั๊ง.....


ถ้ามันไม่ใช่เป็นการเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อโปรโมท พ่อค้ากล้วยหอมแล้ว
ผมว่ากล้วยหอมเนี่ยมันแจ่มจริง ๆ....
ถ้าต่อไปมันแพงมากก็ไม่ต้องกินมันหรอกครับ
(ผมว่ากล้วยน้ำว้าก็มีประโยชน์ต่อร่างกายมากนา....
กินมันทั้ง 2 อย่างแหละดีที่สุด)


อ้อ...แถมท้ายอีกอย่างหนึ่งรองเท้าหนัง
ถ้าอยากขัดให้มันวาวแบบเร็ว ๆ
ก็เอาเปลือกกล้วยหอมด้านในถูรองเท้าไปเลย
เสร็จแล้วเอาผ้าแห้งเช็ดขัดออก...รองเท้าจะมันแผล็บเ ลย....


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=851714#ixzz1HfNwbYlu

Credit : www.dek-d.com

ลดความอ้วนให้ได้ผลยั่งยืน


ไม่มียามหัศจรรย์ใดๆ ที่สามารถทำให้เรากินแล้ว น้ำหนักคงที่ไปตลอดชีวิตได้ ดังนั้น เราก็ต้องคงบคุมน้ำหนัก ให้อยู่คงทนถาวร เราจะต้องมีจิตใจที่อดทน และต้งให้เวลากับการ ปรับเปลี่ยนนี้อย่างต่อเนื่องด้วยค่ะ

1. มีใจเด็ดเดี่ยว คือต้องหักห้ามใจอย่าตามใจปาก เริ่มจากเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเราเอง
2. เลิกกินจุบจิบระหว่างมื้อ
3. เลิกดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาล
4. เลิกทานของหวาน ของเชื่อม ของดอง
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานของทอดหรือของมัน
6. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันจะทำให้ทานอาหารมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับ ที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมการกินได้อีกด้วยค่ะ
* ถ้าหากคุณเป็นคนที่ทานอาหารเร็ว ให้แก้ไขโดย ให้ทานช้าลง โดยอาจจะหาผักสดมาเป็นกับแกล้ม กินสลับกับข้าว
* ถ้าหากคุณทานอาหารหมดจาน ลองแก้ไขโดย ให้เหลือข้าวในจานของคุณ 2-3 ช้อน
* ถ้าคุณชอบทานฟาสต์ฟูต หรืออาหารจานด่วน ให้ลองลดจำนวนที่รับประทานในสัปดาห์ลง 1 ใน 3
* ถ้าบนโต๊ะยังไม่เคยมีผักสดวางอยู่ ลองหามาวางให้ได้ทุกมื้อ ถ้าไม่ชินกับการทานผักสด แรกๆ ให้ลองทานคู่กับอาหารอื่น แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณผักสดให้มากขึ้น

พยายามทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นนิสัย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมร่างกายให้รู้ว่า จะเริ่มควบคุมอาหารแล้ว และให้ร่างกาย เตรียมนำไขมันส่วนเกินมาใช้

ข้อห้ามของคนอยากผอม


สำหรับผู้ที่อยากลดความอ้วน และกำลังลดน้ำหนักทั้งหลาย จะต้องจำข้อเหล่านี้ให้ขึ้นใจ และปฏิบัติตามให้ได้นะคะ จะได้ผอมอย่างถาวรตลอดไปไงคะ

1. ห้ามอด อย่าไปเชื่อว่า การอดมื้อ กินมื้อแบบยาจกนั้น จะทำให้คุณผอมเพรียวลงได้ การที่คุณอดอาหารไปบางมื้อ จะทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำงานได้ช้าลง ยิ่งทำให้อัตราการเผาผลาญไขมัน ทำได้น้อยลงตามไปด้วยอย่างนี้ อดแทบตาย ก็มีแต่จะเป็นลมล้มพับ แต่ไม่ยักกะผอมเสียที

2. ห้ามผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพยายามหาเหตุผลมาผัดวันประกันพรุ่ง ถ้าอยากหุ่นดี ก็ควรเริ่มลงมือทันทีแต่ก็ไม่ต้องถึงกับยอมหักดิบ ค่อยเป็นค่อยไป และไม่ควรใจอ่อนกับตัวเอง สักวันหนึ่งคุณก็จะผอมได้ชัวร์

3. ห้ามใจร้อน การที่จะลดน้ำหนักส่วนเกินลง ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน แม้นว่าคุณจะไม่สามารถที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลง 5 กิโล ภายใน 2 สัปดาห์ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ ลองให้เวลามากขึ้นอีกหน่อย อาจจะ 2 เดือน หรือ3 เดือน หากคุณไม่ถอดใจไปเสียก่อน คุณก็มีสิทธิ์เป็นสาวหุ่นดีได้แน่


4.ห้ามขี้เกียจ ถ้าอยากผอมจริง ๆ ก็ต้องขยันขยับตัว ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องออกแรง เรียกเหงื่อหลาย ๆ หยดหน่อย เพราะการออกกำลังกาย เป็นหนทางเดียวที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินของคุณได้อย่างปลอดภัย และหวังผลได้ชัวร์ๆ ด้วยสิ

5. ห้ามแตะน้ำอัดลม เครื่องดื่ม รสซ่า เต็มฟอง เย็นเจี๊ยบสักกระป๋อง อาจทำให้คุณรู้สึกเต็มที่กับชีวิต แต่เครื่องดื่มชนิดนี้ ก็หนักแคลอรี่อย่าบอกใครเชียว หันมาดื่มน้ำเปล่าแทนจะดีกว่า ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดีไม่แพ้กัน แถมยังถูกสตางค์ และไม่มีแคลอรี่ไห้หนักตัว

6. ห้ามคลายเครียดด้วยการกิน จะเหงาใจ กลัดกลุ้ม หรือรู้สึกย่ำแย่แค่ไหน ควรหาทางออกด้วยการฟังเพลง เดินเล่น พูดคุยกับใครสักคนที่รักเรา (จริง ๆ) ดีกว่าการหันหน้าพึ่งพาขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน หรือไอศกรีม ซึ่งอาจช่วยบำบัดอารมณ์ได้เพียงชั่ววูบ แต่ก็ทำให้คุณอ้วนแบบไม่รู้ตัว

7. ห้ามตามใจปาก ถ้าอยากคุมน้ำหนักตัวให้อยู่หมัดจริง ๆ อย่าได้เผลอตามใจปากบ่อยนัก ควรคิดก่อนกินเสมอ

สูตรลดน้ำหนัก สำหรับคนที่มีรูปร่างแบบลูกแพร์


คราวที่แล้ว เราได้พูดถึงอาหารที่ควรทาน และไม่ควรทานของคนรูปร่าง แบบผลแอ๊ปเปิ้ลกันไปแล้วนะคะ คราวนี้เรามาพูดถึงคนรูปร่างแบบลูกแพร์กันบ้างค่ะ

คนกลุ่มนี้จะมีรูปร่างส่วนบนเล็ก ส่วนล่าวจะใหญ่ เหมือนลูกแพร์หรือชมพู่ คนกลุ่ทนี้ดูเหมือนมีเอวเล็ค เอดกิ่ว

ร่างกายที่สะสมไขมันก็คือ หน้าอก สะโพก ก้น ต้นขาด้านบน และต้นขาด้านล่าง เวลาลดน้ำหนักส่วนนี้ จะเปลี่ยนแปลงช้ากว่าส่วนอื่นๆ
ฮอร์โมนเป็นตัวกำหนดรูปร่างคุณ เช่นเดียวกับคนที่มีรูปร่างแบบแอ๊ปเปิ้ล เนื่องจากการทำงานผิดปกติของต่อมไร้ท่อใต้สมอง คือต่อมพิทูอิทารี ซึ่งผลิตโกร๊ธฮอร์โมน (Growth hormone) ตลอดจนกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนต่างๆ และควบคุมฮอร์โมนเหล่านั้น ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับร่างกาย ดังนั้นจึงมีผลต่อระบบเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน และยังคอยควบคุมระดับเกลือแร่ และน้ำในร่างกายอีกด้วย เนื่องจากรูปร่างแบบนี้มีการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต และไขมันน้อย จึงต้องเลือกอาหารที่ให้พลังงานต่ำ ร่างกายจำกำจัดพลังงานออกไปได้หมดค่ะ เรามาดูอาหารที่ควรทานและไม่ควรทานดีกว่าค่ะ

1. ต้องระวังอาหารที่ให้พลังงานสูงอย่างมาก เพราะคนที่มีรูปร่างลูกแพร์นี้จะชอบอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เนื่องจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย คุณจึงชอบขนมเค้ด ช็อกโกแลต ไอศกรีม เพื่อไปช่วยเพิ่มความไวของฮอร์โมนเอสดตรเจนในการผลิตเซลลูไลต์ แล้วก็ไปเก็บไว้ที่สะโพก ต้นขา ดังนั้นสาวๆ กลุ่มนี้จึงต้องหักห้ามใจมากเป็นพิเศษค่ะ (เตือนไว้ก่อน)

2. งดอาหารประเภทข้าวหรือแผ้งที่ขัดสี ขนมปังขาว บิสกิต ขนมปังกรอบ เค้ก ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง ถั่วและเมล็ดพืชื้มีเกลือผสมอยู่ เนยถั่ว มะพร้าว กะทิ เบคอน ไส้กรอก หนังไก่ เครื่อในสัตว์ ไก่ตอน นมสด นมถั่วเหลือง เนย ครีม ไอศกรีม ชีส ช็อกโกแลต ผลไม้แช่อิ่มทุกชนิด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันจากสัตว์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่ผสมเกลือคาร์บอเนต ชาเขียว ชาอูหลง ชาดำ น้ำตาลขัดขาว อาหารหมักดอง อาหารที่มีรสเค็ม อาหารใส่สารกันบูด อาหารใส่สี

3. ควรทานอาหารเหล่านี้แทน ข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เช่นเข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต พาสต้าโฮลวีต ขนมปังโฮลวีต เนื้อสันในทุกชนิด ไก่ไม่ติดมันและหนัง ไข่ ปลากระป๋อง ถั่วเมล็ดแห้งวันละ 1 กำมือ นมพร่องมันเนย โยเกิร์ต น้ำนมข้าว ผลไม้สด ผักสดทุกชนิด น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำ 6-12 แก้ว น้ำแร่ โซดา เครื่องดื่มผสมธัญพืช โอวัลติน ชาสมุนไพร กาแฟดื่มได้วันละ 1-2 แก้ว น้ำตาลทรายแดง น้ำผึ้ง และน้ำตาลอ้อย

สูตรลดน้ำหนัก สำหรับคนที่มีรูปร่างทรงกระบอก


คนแถบเอเชียส่วนมากมักจะมีรูปร่างแบบนี้ เวลาอ้วนก็จะอ้วนทั้งตัวเลย เวลาผอมก็จะผอมทั้งตัวเช่นกัน รูปร่างแบบนี้ไม่ค่อยจะมีส่วนโค้งส่วนเว้ามากนัก เนื่องจากไขมันในร่างกายพอกพูนทั่วร่างกายไม่เก็บไว้เฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง คนที่อ้วนก็มักจะอ้วนตั้งแต่เด็ก คนรูปร่างแบบนี้เกิดจากความผิดปกติของต่อมน้ำเหลืองในร่างกาย จึงส่งผลต่อการเก็บของเหลวในร่างกายด้วย ผู้ที่มีรูปร่างแบบนี้ยังมีผิวพรรณไม่ดีเนื่องจากการทำงานที่บกพร่องของระบบน้ำเหลือง นอกจากนี้ระบบการเผาผลาญอาหารต่ำ จึงต้องออกกำลังกายควบคู่ไปตลอด เพราะคุณจะอ้วนง่าย ดังนั้นต้องระวังเรื่องอาหารให้มากๆ ค่ะ ควรให้ความสำคัญกับอาหารเช้าสุงสุด อาหารกลางวันรองลงมา และช่วงเย็นจะเผาผลาญอาหารได้ต่ำสุด ดังนั้นไม่ควรงดมื้อเช้านะคะ เพราะถ้าหากไม่ทานอาหารเช้า ระบบเผาผลาญอาหารจะต่ำไปทั้งวันเลยค่ะ

1. อาหารที่ควรงดได้แก่ แป้งหรือข้าวที่ไม่ขัดขาว เค้ก ขนมปังขาว บิสกิต ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ทำจากแป้งขัดขาว เนื้อสัตว์ที่ผ่านการถนอมอาหารเช่น ไส้กรอก เบคอน เนื้อสัตว์ทอด หนังไก่ เครื่องในสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด ครีม ชีส เนย ไอศกรีม โยเกิร์ต ช็อกโกแลต นมแพะ นมแกะ กะทิ เนยถั่ว และถั่วที่มีเกลือผสม มะพร้าว เนื้อสัตว์ที่นำมาทอดทุกชนิดมันหมู หมูสามชั้น น้ำอัดลม ค็อกเทล นม แอลกอฮอล์ ชาดำ ชาเขียว ชาอูหลง เครื่องดื่มช็อกโกแลต น้ำตาลขัดขาว อาหารที่ใส่สารกันบูด อาหารที่ใส่สี อาหารหมักดอง

2. ควรทานอาหารเหล่านี้ข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต แป้งโอลวีต ขนมปังโฮลวีต เนื้อสัตว์ทุกชนิดแต่ต้องไม่ติดมันและไม่ทอด ถั่วทุกชนิด น้ำนมข้าว นมถั่วเหลือง ถั่วหรือเมล็ดธัญพืชที่ไม่ใส่เกลือ น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช น้ำเปล่า 6-12 แก้ว น้ำแร่ โซดา เครื่องดื่มผสมธัญพืช กาแฟดื่มไดเวันละ 1-2 แก้ว น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง

สูตรลดน้ำหนัก สำหรับคนที่มีรูปร่างผอมเก้งก้าง


คนรูปร่างแบบนี้เกิดจากโครงกระดูกที่เล็ก กล้ามเนื้อลีบ ไหล่แคบ อกแฟบ ก้นแบน ไขมันตามตัวน้อย การเผาผลาญอาหารสูง เนื่องจากระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ที่ผลิตฮอร์โมนไทร็อกซินมากกว่าปกติ ทำให้มีการสร้างไกลโคเจนที่แขนขาน้อยลง ทำให้แขนขาเล็ก คนกลุ่มนี้มักได้ใจว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน จึงกินตามใจปากซึ่งผิดผลักโภชนาการมากค่ะ เพราะคนผอมก็มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงได้นะคะ และคนกลุ่มนี้ก็มักจะทานอาหารดึก ทำให้ไขมันมักจะไปสะสมที่หน้าท้อง สะโพก และต้นขาได้ ดังนั้นควรทานอาหารที่เหมาะสมคุณจะมีรูปร่างที่สวยงามจนคนอื่นต้องอิจฉาเลยค่ะ

1. อาหารที่ควรงดได้แก่ ข้าวหรือแป้งที่ขัดสี เค้ก ขนมปังขาว บิสกิ และผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ทำจากแป้งขาว เนื้อสัตว์ที่ผ่านการถนอมอาหารเช่น ไส้กรอก เบคอน เนื้อสัตว์ที่นำมาทอด หนังไก่ เครื่องในสัตว์ เนยถั่ว ถั่วที่ผสมเกลือ ช็อกโกแล ชีสทอด ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้เคลือบน้ำตาล น้ำมันจากสัตว์ มะพร้าว และกะทิ น้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ ค็อกเทล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มช็อกโกแลต น้ำตาลขัดขาว อาหารสเค็ม อาหารที่ใส่สารกันบูด อาหารใส่สี อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง

2. ควรทานอาหารพวก แป้งหรือข้าวที่ไม่ขัดสีหรือขีดสีน้อย เช่นข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต โฮลวีตต่างๆ เนื้อแดง เนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ไม่ทอด ถั่วทุกชนิดที่ไม่ผสมเกลือ ถั่วงอก เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากนม ชีส นมแพะ นมแกะ ผลไม้กระป๋อง ผักสด ผลไม้สด น้ำมันมะกอก เนย น้ำมันพืช น้ำเปล่า 6-12 แก้ว น้ำแร่ ชาสมุนไพร โอวัลติน เครื่องดื่มผสมธัญพืช กาแฟสกัดคาเฟอีนดื่มได้วันละ 1-2 แก้ว น้ำผึ้งหรือน้ำตาลทรายแดง

ลดน้ำหนัก ตามธาตุ


คนเราทุกคนจะมีธาตุ เรียกว่าธาตุเจ้าเรือน โดยดูจากวันเดือนปีเกิด แบ่งได้เป็น 4 ธาตุ และแต่ละคนจะมีธาตุเด่นที่แตกต่างกันไปค่ะ ซึ่งก็จะมีความหมายเฉพาะตัว เรียกว่าธาตุเจ้าเรือนหลัก ซึ่งจะบ่งบอกบุคลิกเด่นๆ พื้นฐานสุขภาพ อารมณ์ ความรู้สึก และมีธาตุเจ้าเรือนรอง จะบอกบุคลิกของอีกธาตุที่เข้ามาผสม เรียกว่าทวิธาตุค่ะ แต่ละคนจะมีธาตุใดมาผสมมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับวันเกิดอยู่ใกล้กับธาตุใดมากกว่ากัน ทีนี้ใครธาตุใดก็ต้องดูวันเกิดก่อนค่ะ แล้วมาดูว่า วันเกิดของเราเอียงไปทางอีกธาตุนึงมากแค่ไหน ลักษณะของธาตุนั้นก็จะเข้ามาอยู่ในตัวเรามากขึ้นค่ะ จากนี้เราจะบอกถึงลักษณะของแต่ละธาตุนะคะ

ธาตุไฟเจ้าเรือน
ผู้เกิดระหว่างวันที่ 23 มกราคม - 22 เมษายน
จะมีรูปร่างปานกลาง สันทัด สีผิวขาวถึงผิวสองสี ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป ผิวหน้าผิวพรรณออกแดงเรื่อ นุ่ม มัน เหงื่ออกง่าย ขี้ร้อน พูดจาเก่ง
เป็นคนใจร้อน หงุดหงิดง่าย ตัดสินใจเร็ว ความจำดี จริงจัง และอ่อนไหว ขี้อิจฉา ความรู้สึกทางเพศค่อนข้างดี
มักจะขี้ร้อน เป็นไข้ ตัวร้อน เลือดกำเดาไหล ร้อนในง่าย
คนธาตุไฟมักจะเผาผลาญอาหารได้ดี รวดเร็ว อาหารเช้าจึงมีความสำคัญมาก ควรทานพวกข้าวกล้อง เมล็ดธัญพืช ผัก ผลไม้ เนื้อปลา ควรเพิ่มอาหารรสเย็นๆ เครื่องดื่มเย็นๆ หวาน ขม และรสฝาดมันหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดร้อน ผักที่เสริมสุขภาพของคนธาตุนี้คือ ผักที่มีรสขม จืด เย็น เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด บัวบก ขี้เหล็ก แตงกวา แตงโม แค ตำลึง บวบ มะแว้ง มะเขือพวง มะระ สะเดา ฯลฯ

ธาตุลมเจ้าเรือน
ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 23 เมษายน - 22 กรกฎาคม
มักมีรูปร่างสูง บาง น้ำหนักน้อย มือเท้าเย็น ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ตาเล็ก พองหรือลึก ตามักเป็นสีฟ้า หรือน้ำตาล ผิวแห้งหยาบ ไม่เรียบ ผิวมักสีคล้ำ ฟันถ้าไม่เล็กมากก็ใหญ่เป็นจอบ บางคนฟันหยิก เก ข้อหลวม เวลาเดินมักได้ยินกระดูกลั่น เห็นเส้นเอน หลอดเลือดดำชัดเจน พูดจาเร็ว พูดมาก ไม่มั่นคง บางครั้งก็ซึมไม่พูด
คนธาตุนี้เรียนรู้สิ่งใหม่ได้ง่าย ความคิดริเริ่มดี จิตใจแปรปรวน อ่อนไหว ขี้กลัว วิตกกังวล ทำให้เจ็บป่วยทางอารมณ์ได้ง่าย จำง่าย ลืมเร็ว จำระยะสั้น กระตือรือร้น ขี้ตื่น ตื่นเต้นง่าย ความรู้สึกทางเพศไม่ค่อยดี กินจุ บางทีก็กินน้อย แล้วแต่อารมณ์ หลับไม่ค่อยดี มักตื่นบ่อย ฝันเรื่องที่ตื่นเต้น วิ่งหนี วิ่งไล่
สุขภาพ มักจะหนาว ขี้โรค ทำงานอะไรก็เหนื่อยง่าย มักไม่ค่อยออกกำลังกาย เหงื่อออกน้อย ท้องผูก มักเป็นริดสีดวงทวารหรือโรคกระเพาะ หากอายุมากต้องระวังการหน้ามืด หัวใจวายในห้องน้ำ หรือไหลตาย ควรจัดห้องน้ำให้ปลอดภัย มีแผ่นกันลื่นไว้ป้องกัน
คนธาตุลมควรทานอาหารเช้า และอาหารว่างระหว่างมื้อ อาหารหวาน ข้าวกล้องเมล็ดธัญพืช และไขมันมากๆ ควรทานอาหารร้อนๆ รสเผ็ด มักจะมีพริกน้ำปลามะนาว หอมกระเทียม หรือน้ำพริกต่างๆ ประกอบด้วยเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเย็น อาหารเย็นๆ อาหารรสจืดเย็น ผักที่เสริมสุขภาพ ได้แก่ผักที่มีรสเผ็ดร้อน เช่นพริก ยกเว้นพริกหวาน ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด กระเพรา แพว สะระแหน่ โหระพา กระชาย หอม กระเทียม ขมิ้น เป็นต้น

ธาตุน้ำเจ้าเรือน
ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม - 22 ตุลาคม
มักจะมีรูปร่างสมส่วน โครงสร้างเล็กแต่มีเนื้อหุ้มกระดูกมาก เป็นคนที่อ้วนง่าย ค่อนข้างอวบ ชุ่มชื้น ผิวพรรณดี สดใส มีน้ำมีนวล เต่งตึง ตาหวานใส น้ำในตามาก ท่าทางเดินมั่นคง ผมดกดำงาม ทำอะไรค่อนข้างช้า ทนหิว ทนร้อน ทนเย็นได้ดี เสียงใส พูดจานุ่มนวล มีลูกง่าย ลูกดก
คุณเป็นคนใจเย็น นุ่มนงล อ่อนโยน เก็บความรู้สึกเก่ง ความจำดี สงบ มัธยัสถ์ จิตใจมั่นคง แก้ปัญหาได้ดีถึงแม้จะช้าบ้าง
สุขภาพ สมบูรณืแข็งแรง เวลากินก็กินได้กินดี เวลานอนก็หลับได้หลับดี ฝันเรื่องสงบ ทะเลสาป ธรรมชาติ ความรัก ความรู้สึกทางเพศดีมากที่สุดในบรรดา 4 ธาตุ แต่ระวังสุขภาพเพราะคุณไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย จึงทำให้อ้วนง่าย ต้องระวังช่วงหน้าฝน คนธาตุน้ำจะรับรู้ได้เร็วกว่าคนอื่น จะมีอาการน้ำมูกไหล จาม มีเสลดมาก คอเหนียว ระคายคอมกกว่าธาตุอื่นในตอนเช้า พอกลางวันก็หาย
คุณเป็นคนอ้วนง่าย จึงไม่ควรทานอาหารก่อน 10 โมง และหลังพระอาทิตย์ตกดิน ควรทานอาหรกลางวัน 60-70% ของทั้งวัน มื้ออื่นควรเป็นอาหารเบา ควรงดอาหารสัปดาห์ละ 1 วัน เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก ถ้าคุมน้ำหนักได้จะเป็นคนสวยมาก เพราะโครงสร้างเล็ก สมส่วน ควรหลีกเลี่ยงอาหารพวกน้ำตาล ผลไม้รสหวาน ไขมัน นม เนย ของเค็ม และเครื่องดื่มเย็นๆ อาหารรสจืดเย็น โดยเฉพาะช่วงที่คุณสุขภาพอ่อนแอ ผักที่เสริมสุขภาพของคุณคือผักที่มีรสเปรี้ยว รสเบาเบื่อ รสขม เช่น ส้ม มะนาว สับปะรด มะระ มะขามป้อม สะเดา มะกรูด มะเขือเทศ ชะม่วง มะอึก กระท้อน มะยม ฯลฯ

ธาตุดินเจ้าเรือน
ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม - 22 มกราคม
คุณมักจะมีรูปร่างท้วมใหญ่ กระดูกใหญ่ น้ำหนักมาก ดวงตาใหญ่ มีแววความสุข ผิวพรรณออกสีดำแดง ผิวเป็นมันนุ่มนวลไม่แห้งไม่ชุ่มชื้นเกินไป พูดเสียงดังฟังชัด หนักแน่นกังวาน
เป็นคนจิตใจมั่นคง หนักแน่น ยึดมั่น ยากที่คนอื่นจะโน้มน้าวจิตใจได้ง่าย เมื่อมุ่งมั่นสิ่งใดก็จะทำจนถึงที่สุด ไม่มีใครมาเปลี่ยนได้ง่ายๆ ยกเว้นว่าจะเปลี่ยนความคิดตัวเอง แต่ก็ไม่ใชคนดุดัน และมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ
คนธาตุดินนั้นแข็งแรง เป็นคนที่มีกิจกรรมเยอะ เพราะต้องการปลดปล่อยพลังงาน แต่มักท้องผูก
ในฤดูฝนจะทำให้ธาตุดินกำเริบ ทำให้มีน้ำหนักมาก ควรทานมื้อเย็นน้อยๆ
สุขภาพ เนื่องจากเป็นคนที่อ้วนง่าย จึงไม่ควรทานอาหารก่อน 10 โมงเช้า และหลังพระอาทิตย์ตกดิน เชนเดียวกับคนธาตุน้ำ ควรทานอาหารกลางวัน 60-70% ของทั้งวัน และงดอาหารสัปดาห์ละ 1 วัน เพื่อควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงอาหารพวกน้ำตาล ไขมัน นม เนย ของเค็ม และเครื่องดื่มเย็นๆ อาหารรสจืดเย็น ผักที่เสริมสุขภาพคือ ผักทุกชนิด และเพิ่มที่มีกากใยอาหารให้มากขึ้น

เลือกกินอย่างไรไม่ให้อ้วน


เมื่อลดน้ำหนักกันได้ที่ หรือว่ารูปร่างดีอยู่แล้ว หรือผอมอยู่แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกินได้ไม่ยั้งนะคะ หลายๆ คนพอคิดว่าตัวเองผอมก็จะกินตามใจปาก นั่นคุณคิดผิดอย่างมหันเลยค่ะ เพราะมันอาจจะเก็บอยู่ในรูปไขมัน สะสมไปนานๆ เข้าก็อ้วนได้เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเมื่อายุมากขึ้นค่ะ

1. รับประทานผักและผลไม้ให้มากเป็นประจำ นอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ผักผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามิน
ที่มีประโยชน์ต่อความสวยของคุณ และช่วยลดระดับไขมันโคเรสเตอรอลอย่างได้ผลอีกด้วยค่ะ

2. รับประทานธัญพืชและถั่วต่างๆให้มาก เช่น ข้าวกล้อง, งา, ถั่วต่างๆ , ลูกเดือย ซึ่งจะมีเส้นใยอาหารให้คุณอื่มเร็วขึ้นแถมยังช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และรักษาระดับโคเลสเตอรอลอีกด้วยค่ะ

3. รับประทานปลา หรือนื้อสัตว์ไม่ติดมันเป็นประจำโดยเฉพาะเนื้อปลาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นโปรตีนชั้นดี ,และมีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง ,หรือปลาแซลมอน ปริมาณไขมันที่คุณ ควรรับประทานต่อวัน ไม่ควรเกิน 5-8 ช้อนชานะคะ และหากจะรับประทานสลัดก็ไม่ควรใส่น้ำสลัดมากกว่า 5 ช้อนชาค่ะ

4. หลีกเลี่ยงอาหารหวานต่างๆ เช่น น้ำอัดลม, น้ำหวาน, ขนมหวาน หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีรสหวานมากๆด้วยค่ะ
เพราะของหวานให้แต่พลังงาน ซึ่งหากรับประทานมากก็จะเกินความต้องการไปพอกพูนตามร่างกายของคุณให้
อวบอ้วนเปล่าๆค่ะ

5. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเค็มจัด โดยคุณควรรับประทานเกลือให้น้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน หรือประมาณ
1 ช้อนชาต่อวันค่ะ

6. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยไม่ควรดื่มมากกว่า1 แก้วต่อวันค่ะ เพราะนอกจากจะก่อโทษต่างๆแล้วยังมีแคลอรี่สูงอีกด้วยค่ะ หากคุณรับประทานอาหารตามแนวทางนี้ จะทำให้คุณรักษารูปร่างให้สมส่วนได้อย่างยาวนาน ไร้ไขมันพอกพูนและสุขภาพดีไม่ผอม เหี่ยว ซีดเซียว ไร้เรี่ยวแรง จนดูโทรมมากกว่าสวยเสียมากกว่า

เคล็ดลับการลดความอยากอาหาร


ปกติการลดความอ้วน หรือลดน้ำหนักนั้นเราจะต้องกินอาหารแต่น้อย โดยเฉพาะของหวานของมันๆ ต่างๆ โดยเฉพาะนอกมื้ออาหาร ซึ่งคนที่อ้วนก็มักจะเกิดความอยากกินอาหารตลอดเวลา เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณลดความอยากขนมได้บ้างค่ะ

เมื่อคุณรู้สึกว่าอยากกินขนม ของหวานหรืออะไรขึ้นมานอกมื้ออาหารแล้วละก็ให้รอ 10 นาทีก่อนที่จะลงมือหาของนั้นมากิน ความอยากส่วนใหญ่จะกินเวลาแค่ 10 นาทีแล้วจะหายไป ความอยากนั้นเกิดจากร่างกายของคุณต้องการน้ำและออกซิเจนดังนั้นในช่วงเวลา 10 นาทีนี้ ควรดื่มน้ำผสมมะนาวสักแก้ว แล้วหายใจเข้าไปให้เต็มปอดซัก 2-3 เฮือก เท่านี้คุณก็จะผ่านความอยากไปได้ หรืออาจจะเปลี่ยนกิจกรรมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องกินไปทำอย่างอื่นแทน เช่นออกไปเดินเล่น (แต่อย่าไปเดินตลาดนะคะ) หรือไปอาบน้ำซะเลย จะได้เลิกคิดเรื่องกิน ถ้ายังฟุ้งซ่านไม่หยุด ก็คงต้องหามากินแก้ความหยากค่ะ แต่กินเพียงแค่คำสองคำเท่านั้น เพื่อให้รู้รสก็พอค่ะ

อาหารที่ควรกินในช่วงลดน้ำหนัก


สาวๆ ที่กำลังลดน้ำหนักหรือคนที่กำลังรักษาน้ำหนักและสุขภาพควรที่จะให้ความสนใจกับอาหารการกินของเรานะคะ เลดี้ทิปได้หาอาหารที่เหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนักและรักษาสุขภาพมาฝากกันค่ะ
* คาร์โบไฮเดรต ควรเป็นข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต
เพราะมีเส้นใยสูง ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึมไขมันได้เร็วนัก และร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยมากกว่าแป้งขัดสีหรือข้าวขาวธรรมดาด้วยค่ะ ทำให้อิ่มนาน นอกจากนี้ยังมีวิตามินบีสูง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกายให้สูงขึ้นด้วยค่ะ

* โปรตีน ควรเป็นเนื้อปลาต่างๆ ไก่ไม่ติดหนัง เต้าหู้ หรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
เพื่อให้ได้รับไขมันน้อยลง ย่อยง่าย โดยเฉพาะปลาและเต้าหู้จะให้พลังงานต่ำ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะกินในช่วงลดน้ำหนัก แต่ไม่ควรนำไปทอดนะคะ ยังไงก็อ้วนค่ะ เพราะการทอดต้องใช้น้ำมันเยอะ

* ใยอาหาร
แต่ละมื้อควรมีผักซึ่งควรเลือกผักที่มีน้ำเยอะ ไม่หวานมาก ควรเลือกประเภทใบมากกว่าประเภทหัว ผลไม้ก็ไม่ควรทานที่มีรสหวานมาก เช่น ทุเรียน องุ่น มะม่วงสุก เงาะ ลำใย จะมีปริมาณน้ำตาลสูงค่ะ

* กินผักผลไม้ที่ช่วยในการเผาผลาญอาหาร
ได้แก่ธัญพืชต่างๆ เช่นถั่วเขียว ถั่วเหลือง อัลมอนด์ถั่วแดง หรือถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์ แมคาเดเมีย วอลนัท เป็นต้น เป็นพืชที่มีใยอาหารและวิตามินบีสูง จึงช่วยกระตุ้นการเผาผลาญร่างกาย แต่ก็อย่ากินมากนะคะ ถั่วเมล็ดแห้งก็ยังมีไขมันสูงค่ะ

* น้ำมันมะกอก
เป็นน้ำมันที่มีกรดโอเมก้า 3 และไขมันไม่อิ่มตัวสูง เมื่อเข้าไปในร่างกายก็จะไปจับอนุมูลอิสระและสารพิษต่างๆ มาเผาผลาญได้ดี แต่วันนึงไม่ควรกินเกิน 1 ช้อนโต๊ะค่ะ

* ดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร
น้ำเป็นตัวช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น เนื่องจากช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย หากเราท้องผูก ร่างกายจะเกิดการดึงสารอาหารกลับ ซึ่งมักจะเป็นไขมัน ซึ่งทำให้การลดน้ำหนักทำได้ยากขึ้น ดังนั้นเราจึงควรถ่ายทุกวันนะคะ

สูตรเด็ดเพื่อหุ่นสุดเริ่ด แบบ 3 เดือนเห็นผล โดย พี่ม้า อรนภา กฤษฎี


ให้เวลากับตัวเองในเวลา 3 เดือน ตามตารางที่ดิฉัน กำหนดให้คุณ รับรองว่าเห็นผลแน่ ในการมีรูปร่าง หน้าตาที่สวยกว่าเดิม แต่ขอย้ำนะคะว่าคุณจะต้อง ซื่อตรง ต่อตารางที่ ดิฉันกำหนดให้ ดิฉันจะกำหนด ตารางเป็น 4 อาทิตย์ต่อเดือน ทั้งหมดก็จะเป็น 12 อาทิตย์ ในแต่ละอาทิตย์จะมีกิจกรรม ให้คุณทำครบ ถ้วน กระบวนความ

เป็นการดูแลตัวเองล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การดูแลผิวพรรณ การออกกำลังกาย ไปจนถึงการเสริมความงามให้กับตัวเอง
ขอบอกไว้ก่อนว่า ไม่ยากหรอกค่ะ เพียงแต่คุณต้องจัดระเบียบให้กับตัวเอง มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่อีลุ่ยฉุยแฉก ปล่อยชีวิตให้กระจัดกระจายไปตามอารมณ์ ไร้ระเบียบแบบแผน พร้อมหรือยังคะ ที่จะทำตัวให้สวยภายในเวลา 3 เดือน ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มอ่านตารางที่ดิฉันจัดให้ ขอให้ละเอียดหน่อยนะคะในการอ่าน และพึงปฏิบัติด้วยล่ะ

อาทิตย์ที่ 1
1.เปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ดื่มน้ำมากๆวันละ 8-10 แก้ว
2. หันมารับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เป็นพวกโยเกิร์ตหรือนม ที่มีแคลลอรี่ต่ำก็ได้ มีการจำกัด หารับประทานเนื้อดิบที่มีไขมันสูง เลือกรับประทานเฉพาะปลา หรือเป็ดไก่ที่ไร้หนัง เนยก็รับประทานได้ แต่ต้อง Low-Fat นะคะ และทั้งหมด ควรรับประทานพอประมาณ
3. เริ่มที่จะขัดผิวกายของคุณก่อนการอาบน้ำเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วย ให้มีการระบาย น้ำเหลืองให้หมุนเวียนไปตาม โครงสร้างของผิวทำให้ ทั่วร่าง เริ่มจากเท้าและฝ่าเท้าของคุณ ไปจบตรงแผ่นหลัง ให้แน่ใจเสมอว่า ทั่วถึง ทั้งเรือนร่างทุกครั้งที่ทำ
4. เริ่มว่ายน้ำอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 20 นาที อย่างต่อเนื่อง

อาทิตย์ที่ 2

1. รับประทานผลไม้ให้มากขึ้น รับประทานผลไม้สดวันละ 2-4 มื้อ จะรับประทานเป็นผลหรือคั้นน้ำก็ได้ จำพวกผลไม้ผลเล็กๆหรือองุ่น ให้ได้จำนวนปริมาณน้ำ 2 ช้อนโต๊ะใหญ่ต่อวัน
2. เริ่มหัดเดินให้ไกลๆบ้าง อย่าเวลาคุณไปทำงาน ถ้าระยะทาง จากบ้านไปที่ทำงานไกลเกิน ก็ให้นั่งรถครึ่งเดินครึ่ง แต่ต้องเดินใน ที่ที่สบาย เพื่อการผ่อนคลาย มิฉะนั้นก็มีทางเลือกอย่างอื่น คือเดินสัก 20 นาที หลังมื้อเที่ยง ทำเช่นนี้สัก 3 วัน ใน 1 อาทิตย์ และทุกครั้งควรเดิน อย่าง คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง
3. นัดช่างผมกรรไกรทองสำหรับ การเปลี่ยนทรงผมใหม่ หรือจะเล็มผมที่ ยาวแล้วก็ได้ และตั้งใจไว้เลยว่าคุณต้องทำเช่นนี้ทุกๆ 3 เดือน
4. เคลียร์ตู้กับข้าวของคุณซะใหม่ ให้ทิ้งสิ่งต่างๆที่เป็นส่วน ของการเพิ่ม ไขมัน ใหมีแผนการสำหรับการกินอาหารเพื่อสุขภาพเท่านั้น อย่างเช่น เนื้อ ปลาทะเลชิ้น บางๆ น้ำ หรือน้ำมันมะกอก ถ้าเป็นไปได้ ในตู้กับข้าว ตู้ใหม่ของ คุณจะต้องมีอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่มีปริมาณ น้ำตาลต่ำ หรือไร้น้ำตาลไปเลย

อาทิตย์ที่ 3
1. เริ่มดูแลผิวพรรณ โดยการเข้าร้านเสริมสวยซะ โดยกรรมวิธีที่จะทำให้ ผิวพรรณ คุณ ดูนุ่มนวลดุจธรรมชาติ อย่างเช่นเอาพืชทะเล มาพันร่าง เพื่อ ทำให้ผอม พร้อมกับ ครีมที่มีกลิ่นหอมมานวดร่างคุณ หรือไม่ก็ขัด ผิวคุณ ด้วยพืชพรรณตามธรรมชาติ ผิวคุณก็จะดูผุดผ่องขึ้นมาทันตา
2. อาทิตย์นี้ก็อย่าลืมให้เวลากับการเดิน อาจจะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตามสวนสาธารณะ หรือออกไปนอกเมืองไกลๆ แล้วใช้การเดินระยะยาว
3. ตรวจดูการรับประทานคาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้ง อย่างขนมปัง ธัญพืช หรือผลไม้อย่างมะเขือเทศ คุณควรที่จะควบคุมการรับประทานอาหาร อย่างตั้งใจวันละ 6-8 มื้อ ขนมปังหั่นแผ่นบางๆสักชิ้น จะปิ้งหรือไม่ก็ได้ พวกธัญพืชสัก 3 ช้อนโต๊ะ ข้าวสัก 1 ช้อนโต๊ะ เส้นก๋วยเตี๋ยว หรือเส้น พาสต้า พร้อมใส่ไข่สัก 2 ฟอง กำลังดี
4. พยายามเลือก ข้าวซ้อมมือ ขนมปัง หรืออาหารจำพวกเส้นที่มีคุณภาพ ควรรับ ประทานเป็น อาหารบำรุง หรืออาหารเสริม เพื่อให้ร่างกาย มีพลังงานใช้ อย่างเต็มที่

อาทิตย์ที่ 4
1. ทำการบริหารหน้าท้อง เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับ โดยใช้วิธีง่ายๆ แต่ทำเป็นประจำตลอดอาทิตย์
- เริ่มด้วยการนอนราบไปบนแผ่นยางหนาสักหน่อย เพื่อกัน กระดูก ทิ่มพื้น ชันเข่าขึ้น ให้เท้าราบไปกับพื้น มือประสาน กันไว้ที่ท้ายทอย แล้วยกส่วนก้นขึ้นเนื้อพื้นพอประมาณ พร้อมทั้งกดเกร็งหน้าท้อง แล้วหายใจออกอย่างช้าๆ โดยหลังยัง ติดกับพื้นอยู่ หลังจากนั้นก็ค่อยๆวางลง แล้วหายใจเข้าเป็น การผ่อนคลาย
- ยังอยู่ในท่าเดิม แต่มือประสารกันไว้ที่ท้ายทอยเพื่อ พยุงคอ เอาไว้ ยกลำตัวขึ้น กดหน้าท้อง โดยการเกร็ง แล้วหายใจ ออกช้าๆ วางตัวนอนดังเดิม พร้อมหายใจเข้า ท่านี้เขาเรียกว่า sit up
- ในท่าเดียวกัน ยืดขาขวาให้ตรงกับลำตัว ในขณะที่ขาซ้ายยังชัน เข่าอยู่ แล้วงอเข่าขวามาที่หน้าอก พร้อมยกลำตัวขึ้นบิด ไปทาง ขวา โดยให้ข้อศอกซ้ายแตะเข่าขวา เกร็งหน้าท้องไว้ อย่าลืม หายใจ ออกด้วย ทำสัก 10-15 ครั้ง แล้วเปลี่ยนกลับไปทำอีกข้าง
2. ตรวจดูการดื่มแอลกอฮอล์ของคุณว่าอย่ามีมากกว่า 15 หน่วยต่ออาทิตย์ เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกผู้หญิงอย่างเรา 1 หน่วยเท่ากับไวน์ 1 แก้ว หรือเบียร์ครึ่งเหยือก แค่นี้กำลังงามค่ะ ภายใน 1 อาทิตย์
3. เลิกล้มความฝันสำหรับชุดว่ายน้ำหรือบิกินี่ คุณจะดูวิเศษที่สุดก็ต้อง หลังสองเดือนไปแล้ว เดือนที่ 2

อาทิตย์ที่ 5
1. เริ่มดื่มน้ำที่คั้นมาจากพืชชนิดที่มีใบ อย่างเช่นน้ำยี่หร่าผสมน้ำ เพื่อทำการกระตุ้นระบบการย่อยอาหารของคุณ จะดื่มหลังจากอาหารค่ำ ก็ได้ (ไม่ควรดื่มขณะตั้งครรภ์) ดื่มชาผลไม้ เพื่อทำให้การหมุนเวียน ของเลือดดีขึ้น การทำงานของไตก็จะดีขึ้นไปด้วย การดื่ม มิ้นต์ (peppermint) จะช่วยในเรื่องระบบการย่อยอาหารเช่นกัน
2. อาทิตย์นี้เดินให้มากขึ้นสัก 20-30 นาที ตลอดอาทิตย์ เพิ่มระยะทาง และความเร็วในการเดินให้มากขึ้นด้วย ก้าวแต่ละก้าวควรให้นุ่มนวล และเยือกเย็น เรียกว่า "มีสมาธิในการเดิน"
3. รับประทานผัก 3-5 มื้อต่อวัน เป็นผักรวมจานเล็กๆ ถ้าเป็นไปได้ควร เป็นผักสด
วิธีทำสลัด (วิธีทำสลัดสไตล์คุณม้า)
- หอมใหญ่ 1 หัว (ขาวหรือแดงก็ได้) ผัดขม ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง 1 กำ (ล้างและลอกเปลือกอย่างสะอาด)
- นำผักมาล้าง หั่นหอมใหญ่เป็นแว่นๆ แล้วตกแต่งให้สวยงามด้วยหน่อไม้ ฝรั่งกับผักชีฝรั่ง น้ำสลัด อย่างง่ายๆ 1 ช้อนโต๊ะสำหรับน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว พริกไทยป่น นิดหน่อย พริกหยวก บดละเอียด ผสมให้เข้ากัน แล้วราดลงบนผักสลัด ที่จัดเตรียม ไว้ รับรองอร่อยแน่

อาทิตย์ที่ 6
1. ต่อสู่เซลส์ผิวหนังด้วยการนวดตัวทุกวัน อันนี้เข้สถานบริการนวดตัว จะดีที่สุด อย่านวดด้วยตัวเองเลยค่ะ ลำบาก
2. ยังคงออกกำลังกายอยู่นะคะ และอย่าลืมยกน้ำหนักด้วยเวทข้างประมาณ 1-2 กิโล สองวันต่ออาทิตย์ บริหารหน้าท้องยังคงต้องทำอยู่สม่ำเสมอ นอนราบชันเข่า มือถือที่ยกนำหนักเอาไว้ ยกลำตัวขึ้น พร้อมกับยก น้ำหนักไว้ด้านหน้าให้สุดแขน และเมื่อเอาตัววางนอนลง ให้ค่อยๆวาง แขนลงช้าๆเหนือศรีษะ ทำสัก 8-15 ครั้ง อาทิตย์ที่ 6 แล้ว คงต้องทำให้มัน หนักหน่อย คิดว่าคุณๆก็คงจะชินแล้วในการซิทอัพ
ยืนตัวตรง ยื่นขาขวาไปข้างหน้าพร้อมงอเข่า ยกน้ำหนักขึ้นโดยการ งอข้อศอก แล้วย่อตัวลง เก็บขากลับมา ยืนไว้ในท่าแรก จากนั้นสลับมา ทำเหมือนเดิมกับขาข้างซ้ายบ้าง ท่านี้จะได้ทั้งกล้ามเนื้อขนด้านหน้า และขา ท่าลดต้นแขน ยืนตัวตรง มือทั้งสองข้างถือที่ยกน้ำหนักไว้ แล้วยก ขึ้นเหนือศรีษะ ค่อยๆวางลงไปด้านหลังศรีษะ โดยให้ข้อศอก ชิดใบหูทั้ง สองข้าง ยกขึ้น ยกลง กล้ามเนื้อบริเวณแขนด้านในจะกระชับ ไม่หย่อน ยาน
3. อาจจะเต้นแอโรบิกหรืออกกำลังกายตามส่วนต่างๆของร่างกาย ตามวิดีโอ การ บริหารร่างกายก็ได้นะคะ เลือกอันที่ดีๆหน่อยหรือไม่เช่นนั้น ก็ไปเต้น ตาม สถานบริหารร่างกาย ดิฉันว่าจะสนุกกว่า
4. เข้าเซาน่าหรือห้องอบไอน้ำ หลังจากนั้นก็นวดตัวซะด้วยเลย คุณๆลองทำ ตาม ตารางที่ดิฉันกำหนดให้ภายใน 6 อาทิตย์ดูสิคะ ว่าร่างกายคุณเริ่ม มีการเปลี่ยนแปลงขนาดไหน แต่การทำตามตารางต้องซื่อสัตย์ ต่อตัวเอง นะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน การออกำลังกาย การดูแลผิวพรรณ รวมไปถึงทั้งตัว ตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ตามที่ได้บอกไว้ข้างต้น รับรองว่า เห็นผลแน่

อาทิตย์ที่ 7
1. ออกกำลังกายอย่างมุมานะด้วยเครื่องมือการออกกำลังกาย เช่น การถีบจักรยานอยู่กับที่สม่ำเสมอ การเดินในระยะทางไกลๆ หรือการเต้นแอโรบิก
2. จัดเตรียมนำผลไม้และน้ำผักสดไว้ดื่ม พร้อมกับการกินวิตามิน ผู้เชี่ยวชาญของโลกเขาบอกว่า การลดน้ำหนักที่ดีที่จะให้เห็นผลถึง 70 เปอร์เซนต์นั้นก็คือ การดื่มน้ำผลไม่หรือน้ำผักสด เพราะจะทำให้ย่อยง่าย และดูดซึมภายในเวลาเพียงแค่ 10-15 นาที ควรดื่มเป็นประจำทุกวัน วันละ 1 แก้ว ถ้าเยื่อก็ลองน้ำแอปเปิ้ล น้ำกล้วย น้ำมะละกอ และน้ำลูกพรุน หรือจะทำเป็นผลไม้รวมแบบค๊อกเทลอย่างองุ่น(เป็นลูก) มะละกอ (เป็นชิ้น ) แอปเปิ้ล แครนเบอร์รี่ แล้วใส่น้ำส้มกับน้ำมะนาว ลงไป ก็จะทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น สำหรับน้ำผักสด ผสมกันระหว่าง แครอท หัวผักกาดแดง และแตงกวา หรือขึ้นฉ่าย ผักกาดหอม และผักโขม
3. วินาที แล้วเปลี่ยนอีกขาหนึ่ง ทำเช่นนี้สัก 10 ครั้งต่อข้าง เดินในน้ำสัก 3 นาที จากด้านหนึ่งของ ขอบสระไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเหสี่ยงแขนไปด้วยพร้อมๆกัน

อาทิตย์ที่ 8
1. ถึงเวลาของการปรับปรุงการวางท่าทาง โดยปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทาง ด้านการออกกำลังกาย ในหนึ่งครั้งต่อวัน ยืนกางขาเล็กน้อย งอเข่าพอ ประมาณ แผ่นหลังตรง น้ำหนักอยู่ที่ส้นเท้า ทั้งสองข้าง หายใจออก และยืดส่วนท้องบริเวณสะดือและส่วนของกระดูกสันหลังขึ้น แขม่วส่วน กระดูกเชิงกรานเข้า แล้วเก็บก้น โดยให้รู้สึกว่า สองแก้มก้น ชิดสนิท แนบแน่น หายใจออกยาวๆ ทำเช่นนี้หลายๆครั้งเพื่อบริหาร กล้ามเนื้อ บริเวณ ท้องและก้น หายใจเข้า ออกในขณะ ที่คุณหมุนหัวไหล่เป็น รูปวงกลม และประสานมือ ยืดแขนขึ้นเหนือศรีษะ เป็นการยืดกล้าม เนื้อส่วนหลังทั้งหมด หลังจากนั้นก็ยืนตรงสบายๆ เป็นการผ่อนคลาย กล้ามเนื้อ บริเวณก้นสัก 30 วินาที แล้วเริ่มทำใหม่
2. เอ๊กเซอร์ไซด์ระบบหายใจด้วยการยืนตรงหรือนั่งเอานิ้วมือทั้งสองกด เข้าหากันให้อยู่ระดับจมูก หายใจออกช้าๆ พร้อมกับกดนิ้วมือเข้าหากัน อย่างแน่น ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วหายใจออก พร้อม ผ่อนคลาย จึงกลับมาทำใหม่สัก 10 ครั้ง

อาทิตย์ที่ 9
1. การเหยียบ step up เป็นกิจวัตรประจำวัน โดยถือที่ยกน้ำหนักด้วย สัก 21 ปอนด์ เริ่มต้นด้วยการก้าวยาวๆ ก้าวขาขวาขึ้นสเต็ป เหยียดแขนซ้าย ออกไปข้างหน้า แขนขวาวงไว้ขางลำตัวแล้วสลับข้าง ทำอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยๆช้าลง
2. ตรวจดูการรับประทานโปรตีนของคุณ ควรให้มีอาหารประเภทเนื้อวัว เนื้อเป็ด เนื้อไก่ ถั่วแห้ง ไข่ และถั่วลิสง 2-3 ชนิด ต่อวัน เนื้อหรือไก่ไร ้หนัง 2-3 ออนซ์ ปลาเนื้อขาว ไม่ทอด 4-5 ออนซ์ ไข่ 2 ฟอง สุกปานกลาง เนย 11/2 ออนซ์
3. การรักษาด้วยกระแสน้ำ ในการอาบน้ำของแต่ละวัน ให้น้ำอุ่นกรทบ ตัวโดยเร็ว แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นสัก 20 วินาที กลับไปเป็นน้ำอุ่นอีกสัก 1-2 นาที จบด้วยการอาบน้ำเย็น เริ่มให้น้ำฉีดไปบนบริเวณหน้า เรื่อง ลงไป ยังบริเวณแขนและขา รวมทั้งบริเวณหน้าอกและท้อง จบด้วย ส่วนหลัง ของคุณ เพื่อเป็นการนวดตัวด้วยกระแสน้ำ แล้วเช็ดตัว ให้แห้ง ก่อนคลานขึ้นเตียง นอนพักสัก 20 นาที เป็นการพักฟื้น

อาทิตย์ที่ 10
1. ปรับปรุงการออกกำลังกายของคุณให้ดีขึ้น โดยำสม่ำเสมอทุกวัน เป็นประจำ แยกเท้าออกจากกันให้กว้างพอประมาณ โดยยืนอยู่ด้าน หลังก้าวอี้ มือขวาจับพนักเก้าอี้ไว้เป็นการพยุงตัว ใช้มือซ้ายแตะไว้ ตรงต้นคอ งอข้อศอกให้อยู่ระดับหลัง เอียงตัวไปทางซ้ายพร้อมงอเข่า บิดตัวลงให้ ข้อศอกแตะเข่าด้านหน้า แล้วกลับมายืนในท่าเดิม เริ่มทำใหม่ แต่ตอนนี้บิดและเอียงตัวลงให้ข้อศอกแตะเข่าขวาด้านหน้า จึงกลับไป ทำอีกข้าง ทำข้างละ 20 ครั้งเป็นการบริหารเอว
2. อาทิตย์นี้ลงมือทำเล็บมือและเล็บเท้า พร้อมทั้งแต้มสีสันลงไปบนเล็บ ซะให้สวยบาดใจไปเลย
3. ขัดตัวด้วยเกลือ โดยเอาเกลือทะเลผสมกับน้ำมันโอลีฟนวด ไปบนตัวที่ยังชื้น อยู่แล้วค่อยล้างออก

อาทิตย์ที่ 11
1. สำหรับสุขภาพผิวที่เปล่งปลั่งหลังจากที่เราได้ทะนุบำรุงดูแล มาจนถึง อาทิตย์ นี้แล้ว เรามาเริ่มแต่งหน้ากันสักหน่อย จะดีกว่า ใช้รองพื้นสี ที่เป็นธรรมชาติ เข้ากับสีผิว หรือจะใช้สีแทนสักหน่อยก็ได้ แต่ถ้าไม่ ชอบสีแทนก็ให้ใช้ สีขาวกว่าผิวก็ได้เช่นกัน เพื่อเพิ่มความผุดผ่อง เป็นยองใย
2. บางครั้งอาจจะทดลองแต่งให้เข้ากับฤดูร้อน สิ่งจำเป็นที่สุด ตัวครีมรองพื้น ควรจะมีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ผสมอยู่ให้มากหน่อย เพื่อทำให้ผิวคุณดู สดใส ปัดแก้มเบาๆ ปัดมาสคารา ทาลิปมันและลิปสติก
3. สีอ่อนๆให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด คุณก็จะดูเป็นคนสวยที่มีสุขภาพดี
ควรจะเล่นกีฬานะคะ อาจะไปเรียนตีเทนนิส หรือไปร่วมเล่นซอฟท์บอล กับเขาในสวนสาธารณะก็ได้

อาทิตย์ที่ 12
1. จัดเตรียมชุดว่ายน้ำ จะวันพีซหรือทูพีซก็ได้แล้วแต่ตามใจชอบ แต่อย่าลืมแว็กซ์ขนบริเวณขอบบิกินี่ด้วยล่ะ ตามร้านเสริมสวยเขา ก็มีบริการ
2. ปกป้องแสดงแดดด้วยครีมกันแดด ใช้ครีมที่มีสาร SPF คุณสามารถมี ผิวสีแทนได้ แต่อย่าไหม้ ที่จริงแล้วก็มีครีมหลายตัวสำหรับกันแดด คุณเลือกหาเอาเองก็แล้วกัน
3. สวยเห็นผล

อาหารไขมันต่ำช่วยลดน้ำหนักได้จริงๆหรอ


อาหารไขมันต่ำเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก และยังรวมไปถึงผู้รักสุขภาพอีกด้วย แต่จริงๆ แล้วอาหารไขมันต่ำเหล่านี้มีคุณภาพดีต่อสุขภาพเรา ช่วยเราลดน้ำหนักด้จริงๆ หรือ เราต้องมาพิจารณากันใหม่ค่ะ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเพราะกินไขมันมากเกินไปค่ะ แต่เป็นเพราะกินแป้งและน้ำตาลมากเกินไปต่างหาก เพราะกลัวว่าจะกินไขมันมากเกินไป เลยกินอาหารอย่างอื่น หรืออาหารพวก fat free กันแทน แถมยังกินไม่อั้น เพราะคิดว่ากินยังไงก็ไม่อ้วน แต่นั่นเป็นการเพิ่มน้ำหนักของตัวเองแทนที่จะลดค่ะ

นอกจากนี้ อาหารที่ไขมันต่ำกว่า 20% จะทำให้คุณไม่รู้สึกอิ่มและยังกินมากกว่าเดิมด้วย การทานไขมันอย่างพอดีจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่ม และพึงพอใจกับการกินครั้งนั้นๆ ทำให้ไม่อยากอาหารเร็วเกินไปค่ะ

อาหารไขมันต่ำหรือ fat free เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราด้วยค่ะ เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ เพราะไปลดไลโปโปรตีน ซึ่งเป็นไขมันในเส้นเลือดชนิดดี และไปกระตุ้นระดับไตรกลีเซอไรด์ และยังเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคเกาต์และนิ่วอีกด้วยค่ะ ที่สำคัญการลดไขมันมากเกินไปทุกวัน จะทำให้ร่างกายต้องเอาไขมันในร่างกายมาใช้ในรูปของเอนไซม์ เรียกว่าไลโปโปรตีนลิปพาส ซึ่งจะไปเพิ่มการกักเก็บไขมันในร่างกายมากขึ้น ซึ่งไม่ดีกับสุขภาพเท่ากับได้รับไขมันจากอาหารค่ะ

นอกจากนี้อาหารที่ปราศจากไขมันทำให้ร่างกายไม่ดูดซึมไฟโตเคมิเคิลต้านโรคที่มีอยู่ในผักผลไม้ เช่น การราดน้ำสลัดที่ไม่มีไขมันนั้นจะทำให้การดูดซึมสารอาหารจากผักต่างๆ ลดลงเนื่องจากสารอาหารต่างๆ เหล่านี้จะต้องมีไขมันช่วยในการดูดซึมไปใช้ในร่างกาย

สูตรที่ 6 ลด 9-10 กิโลกรัมใน 1 เดือน


สูตรที่ 6 ลด 9-10 กิโลกรัมใน 1 เดือน

1. กินผักผลไม้หรืออาหารนึ่งๆ ต้มๆ เป็นมื้อเช้าและมื้อเย็น
2. กินก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม หรือส้มตำเป็นอาหารกลางวัน
3. งดอาหารหลัง 1 ทุ่ม ถ้าหิวให้กินส้มได้ 1 ผล
4. เต้นรำด้วยเพลงเร็วๆ 60 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์
5. ตีแบตมินตัน 60 นาที หรือวิ่งจ็อกกิ้ง 60 นาที 2 ครั้งต่อสัปดาห์

สูตรที่ 5 ลด 6-8 กิโลกรัมใน 1 เดือน


สูตรที่ 5 ลด 6-8 กิโลกรัมใน 1 เดือน

1. กินไข่ต้ม 1 ฟองหรือน้ำเต้าหู้ 1 ถ้วยเป็นมื้อเช้าเท่านั้น
2. มื้อกลางวันกินอาหารได้ 1 จาน แต่มื้อเย้นกินแค่แอปเปิ้ลเขียว 1 ผลหรือสลัดผัก 1 จานเล็กๆ เท่านั้น
3. งดอาหารหลัง 1 ทุ่มตรง ถ้าหิวให้กินโยเกิร์ต 1 ถ้วย
4. กระโดดเชือก 60 นาที 2 ครั้งต่อสัปดาห์
5. เต้นแอโรบิก 60 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์

สูตรที่ 4 ลด 3-5 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์


สูตรที่ 4 ลด 3-5 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์

1. กินอาหารวันละ 700-800 แคลอรี่
2. กินสลัดผัก หรือผลไม้ 2 ผลหรือกินไข่ต้ม 1 ฟองเป็นมื้อเย็น
3. งดอาหารหลัง1 ทุ่ม ถ้าหิว ให้กินผลไม้ 1 ผลหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
4. ว่ายน้ำ 1 ครั้งต่อสัปดาห์
5. เต้นแอโรบิก 40-60 นาทีทุกวัน

สูตรที่ 3 ลด 3-5 กิโลกรัมใน 4 สัปดาห์


สูตรที่ 3 ลด 3-5 กิโลกรัมใน 4 สัปดาห์

1. กินอาหารไม่เกินวันละ 1000 แคลอรี่
2. งดของทอดๆ ที่ใช้น้ำมันปริมาณมากๆ
3. ของหวานกินได้สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น
4. ว่ายน้ำ 1 ชั่วโมงเต็ม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง (ไม่ใช่แช่น้ำนะคะ)
5. เต้นแอโรบิก 40-60 นาที วันเว้นวัน

สูตรที่ 2 ลด 7-8 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์



สูตรที่ 2 ลด 7-8 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์

1. มื้อเช้ากินไข่ต้ม 1 ฟองหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
2. มื้อกลางวันกินสลัดผัก 1 จาน หรือส้มตำ 1 จาน (ไม่หวานนะคะ)
3. มื้อเย็นกินแอปเปิ้ล 1 ผล หรือแฮมนึ่ง 1 แผ่น
4. งดอาหารหลัง 6 โมงเย็น ถ้าหิวให้ดื่มน้ำมากๆ แทน
5. เต้นแอโรบิก 60 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์

สูตรที่ 1 ลดน้ำหนัก 5-7 กิโลกรัม ได้ผลใน 3 สัปดาห์



สูตรที่ 1 ลดน้ำหนัก 5-7 กิโลกรัม ได้ผลใน 3 สัปดาห์

1. มื้อเช้ากินโยเกิร์ต 1 ถ้วย
2. มื้อกลางวันกินก๋วยเตี๋ยวน้ำ 1 ชามเท่านั้น
3. มื้อเย็นกินผักจิ้มน้ำพริก งดข้าว ถ้าหิวหลังจาก 1 ทุ่มให้กินผลไม้ได้ 1 ผล (แต่ไม่ใช่กินทุเรียน มะม่วง หรือผลไม้ที่หวานมากนะคะ)
4. เต้นรำในจังหวเร็วๆ 60 นาที วันเว้นวัน หรือวิ่งจ็อกกิ้ง 45 นาที
5. ว่ายน้ำ 60 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์

รูปร่างดีใน 4 สัปดาห์


คุณจะดูเพรียวลงและแข็งแรงขึ้นในช่วงเวลาไม่นาน เพียงทำตามตารางต่อไปนี้แค่ 4 ครั้ง ก็เห็นผล

วันจันทร์
ตั้งเป้าไปที่ บั้นท้าย ขาและหน้าท้อง
ท่าปฏิบัติ
• ท่าบริหารหัวใจ 20 นาที หากคุณเข้าโรงยิมเป็นประจำอยู่แล้ว ลองวิ่งบนเครื่องวิ่ง หรือไม่ก็ปั่นจักรยานที่มีแรงต้านเล็กน้อย แต่หากคุณออกกำลังกายที่บ้าน ลองเดินอย่างกระฉับกระเฉงหรือไม่ก็จ็อกกิ้งดู
• ท่านั่งย่อยืด 20 ครั้ง ยืนปล่อยแขนไว้ข้างลำตัว ค่อยๆ นั่งโดยทิ้งน้ำหนักไปด้านหลังกระทั่งต้นขาขนานกับพื้น ขณะเดียวกันยกแขนขึ้นด้านหน้า เพื่อสร้างความสมดุลแล้วกลับไปไท่าเริ่มต้น
• ท่าแทงเข่า 20 ครั้ง ยืนเอามือท้าวสะโพก ใช้เท้าขวาก้าวไปด้านหน้า พร้อมย่อเข่าลงกระทั่งต้นขาขนานกับพื้น กลับไปที่ท่าเดิมแล้วเปลี่ยนเป็นขาซ้าย
• ท่าถ่วงน้ำหนัก 20 ครั้ง ยืนถือเวทขนาด 3-5 ปอนด์โดยให้มืออยู่บริเวณหน้าขา โน้มตัวไปด้านหน้าโดยใช้ช่วงเอว กระทั่งนิ้วของคุณแตะพื้นแล้วกลับไปที่ท่าเริ่มต้น
• ท่าขาตั้งฉาก 40 ครั้ง นอนราบกับพื้นมือแนบลำตัว
พยายามยกขาทั้งสองให้ตั้งฉากกับเพดาน จากนั้นค่อยๆ วางขาลงจนห่างจากพื้น 2-4 ฟุต


วันอังคาร
มุ่งไปยัง แขนและหน้าอก
ท่าปฏิบัติ
• ท่าบริหารหัวใจ 20 นาที
• ทำท่าซิทอัพ โดยชันหรือวางเข่าราบกับพื้น 15-20 ครั้งหรือพยายามทำเท่าที่คุณสามารถทำได้
• ท่าชูขึ้น 20 ครั้ง นอนราบกับพื้นในมือถือเวทหนัก 3-5 ปอนด์ งอแขนเข้าโดยให้มืออยู่บริเวณไหล่ ฝ่ามือหันเข้าหากัน ค่อยๆ ยกเวทขึ้นกระทั่งแขนตึง โดยพลิกฝ่ามือหันไปทางปลายเท้า เสร็จแล้วกลับไปที่ท่าเริ่มต้น
• ท่าโน้มตัว 20 ครั้ง นั่งลงที่ขอบเก้าอี้โดยให้เข่างอไว้ วางน้ำหนักลงที่ส้นเท้า ปลายนิ้วเท้าของคุณควรชี้ไปด้านหน้า ใช้มือจับส่วนหน้าของเก้าอี้ระหว่างขาให้แน่น พยายามตั้งหลังให้ตรงไว้ ค่อยๆโน้มตัวไปด้านหน้าโดยใช้ลำแขนช่วยดึงลำตัวลงไป กระทั่งข้อศอกของคุณอยู่ในระดับเดียวกับหัวไหล่ กลับไปที่ท่าเริ่มต้น


วันพุธ
มุ่งไปยัง หลังและไหล่
ท่าปฏิบัติ
• ท่าบริหารหัวใจ 20 นาที
• ท่ากางปีก 20 ครั้ง ยืนให้ปลายเท้ากว้างในระดับไหล่โดยมือทั้งสองถือเวทหนัก 3-5 ปอนด์ในมือ หันฝ่ามือเข้าหาลำตัว จากนั้นค่อยๆ กางแขนทั้งสองขึ้นจนกระทั่งสูงขึ้นถึงระดับไหล่ แล้วค่อยๆ วางลงอย่างช้าๆ
• ท่ายกขึ้นด้านหน้า 40 ครั้ง (ข้างละ 20 ครั้ง) ยืนตรงในมือถือเวทหนัก 3-5 ปอนด์ ค่อยๆ ยกแขนขวาขึ้นทางด้านหน้าจนถึงระดับไหล่ ค่อยๆ วางลงแล้วเปลี่ยนแขน
• ท่ายกเหยียด 20 ครั้ง ยืนตรงในมือถือเวทหนัก 3-5 ปอนด์ ค่อยๆ งอแขนเข้าหาลำตัวโดยให้ฝ่ามือหันออกด้านหน้า เหยียดแขนทั้งสองตรงเหนือศีรษะแล้วค่อยๆ วางลงอย่างช้าๆ


วันพฤหัสบด
มุ่งไปยัง บั้นท้าย ขาและหน้าท้อง
ท่าปฏิบัติ
• ท่าบริหารหัวใจ 20 นาที
• 30 ท่าดึงถีบ (ข้างละ 15 ครั้ง) ทำท่าหมอบโดยพยายามให้หลังตรงเข้าไว้ ดึงเข่าขวาให้ขึ้นมาถึงหน้าอกแล้วถีบออกด้านหลังให้ขายืดตรง เริ่มทำใหม่โดยเปลี่ยนขา
• ท่านั่งย่อยืด 20 ครั้ง
• ท่าแทงเข่า 15 ครั้ง
• ท่ายกกระดูกเชิงกราน นอนราบกับพื้น ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นและแขนแนบลำตัว ค่อยๆ ยกบั้นท้ายขึ้นกระทั่งสูงเหนือพื้นประมาณ 3-5 นิ้ว ค่อยๆ วางลงอย่างช้าๆ
• ท่ายกบิด 40 ครั้ง (ข้างละ 20 ครั้ง) นอนราบกับพื้น ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นแล้วเอามือรองไว้ใต้ศีรษะ พยายามใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องโดยการยกศีรษะและหัวไหล่ขึ้นจากพื้น ในขณะเดียวกันหมุนลำตัวไปทางด้านขวามือ เสร็จแล้วเปลี่ยนข้าง


วันศุกร์
มุ่งไปยังส่วนที่คุณมีปัญหา
ท่าปฏิบัติ
• ท่าบริหารหัวใจ 20 นาที
• จากนั้น พิจารณาดูว่าถ้าแขนของคุณยังไม่ฟิตพอ ให้ใช้ท่าบริหารของวันอังคาร แต่หากหลังและไหล่รู้สึกอ่อนแอเหลือกำลัง ให้คุณทำท่าของวันพุธ ก้น ขา และช่องท้องเกิดต้องการการบริหารมากกว่าเท่าที่ทำไปเมื่อวันจันทร์และพฤหัสบดี ให้นำท่าของวันจันทร์มาทำอีกครั้ง ด้วยวิธีนี้คุณจะไม่ทำท่าที่ซ้กับวันก่อน ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อส่วนบนเกิดอาการเจ็บปวด


วิธีเลือกรับประทาน
หากต้องการลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องวางแผนสำหรับเมนูอาหารในเดือนนี้
• ทำอาหารมื้อกลางวัน และมื้อค่ำด้วยเนื้อไม่ติดมัน
• เลือกผักใบสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม แต่หลีกเลี่ยงพวกที่เป็นแป้ง อย่างมันฝรั่ง
• หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำตาล เมื่อสามารถทำได้
• ไม่ควรรับประทานผลไม้ เขตร้อนที่มีแคลอรีสูง อาทิ สับปะรด กล้วย และมะพร้าว
• หนีห่างขนมหวานที่มีปริมาณน้ำตาบสูง
• ลองเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งใสใส่ผลไม้ อาจช่วยบรรเทาความอยากของคุณได้

10 ท่าลดพุง กระชับต้นขา และ บั้นท้าย

วันนี้มีท่าในการลดพุงของคุณมาให้ทำกัน 10 ท่า เริ่มจากทำท่าเหล่านี้ท่าละ 10 ครั้ง ต่อวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มไปเรื่อยๆ

ท่าที่ 1



ท่าที่ 2


ท่าที่ 3


ท่าที่ 4


ท่าที่ 5


ท่าที่ 6


ท่าที่ 7


ท่าที่ 8


ท่าที่ 9


ท่าที่ 10

ข้อควรระวังในการลดน้ำหนัก


เนื่องจากคนเราต้องการใช้พลังงานพื้นฐานอย่างน้อย 1200-1500 กิโลแคลอรี่ หรือน้อยที่สุด 800-1000 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นไม่ว่าจะลดน้ำหนักแค่ไหน ก็ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้อย่างน้อย 800-1000 กิโลแคลอรี่นะคะ โดยเฉพาะต้องได้รับโปรตีนให้เพียงพอทุกวันค่ะ ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลเสียตามมาคือ ทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานลดลง และเมื่อน้ำหนักลดลงแล้ว กลับมากินเพียงนิดเดียวก้จะอ้วนได้ง่ายกว่าเดิมมาก เพราะร่างกายไม่เผาผลาญได้ดีอย่างเดิมแล้ว นั่นคือภาวะโยโย่นั่นเองค่ะ และเมื่อลดอาหารโดยไม่ได้รับพลังงานและโปรตีนเพียงพอไปนานๆ เข้า จะทำให้กล้ามเนื้อเฉื่อยชา สมองขาดคาร์โบไฮเดรตก็จะไปเอาจากกล้ามเนื้อมาใช้แทนค่ะ ที่สูญเสียไปคือกล้ามเนื้อ ไม่ใชไขมันอย่างที่ต้องการค่ะ ดังนั้นเราควรรับประทานอาหารให้เพียงพอคืออย่างน้อย 1000 กิโลแคลอรี่ และหากอยากจะลดน้ำหนักให้เร็วขึ้น ก็ควรจะหันมาออกกำลังกายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อแทนค่ะ